หนึ่งจักรวาล แสดงความรักกับลูก มุมมองนักสังคมสงเคราะห์ เหมาะไหม

นักสังคมสงเคราะห์-หมอเด็ก ถอดบทเรียนและก็แสดงมุมมอง กรณีการแสดงความรักกับบุตรสาวของ “หนึ่ง จักรวาล” ซึ่งกลายเป็นกระแสอย่างมากในโลกโซเชียล

วันที่ 27 เดือนตุลาคม 2564 นักข่าวรายงานว่า จากกรณีดราม่า “หนึ่ง-จักรวาล เสาธงเที่ยงธรรม” นักดนตรี-โปรดิวเซอร์-มิวสิก ไดเรคเตอร์ มีชื่อ โพสต์คลิปกับบุตรสาว ในกิจกรรมและก็ท่าทางต่างๆเช่น จับท้อง จับก้น ฯลฯ ทำให้เสียงในโลกออนไลน์แตกเป็นสองฝั่ง จนเกิด #หนึ่งจักรวาล ขึ้นบนโลกออนไลน์

มีทั้งยังกลุ่มที่มองว่า เป็นการแสดงออกความรักธรรมดาทั่วไป ซึ่งแต่ละบ้านมีกรอบและก็แนวทางไม่เหมือนกันออกไป กับข้างที่มองว่า เกินขอบเขตความเหมาะสม และก็เข้าข่ายการคุกคาม ควรนับถือสิทธิภายในร่างกายของเด็ก เนื่องจากบุตรสาวของ หนึ่ง จักรวาล อายุ 9 ขวบแล้ว ก็เลยเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม หรือเปล่า

นักสังคมสงเคราะห์ ชี้เป็นเรื่องผิดปกติ

ถัดมา เฟซบุ๊กเพจนักสังคมสงเคราะห์เล่าเรื่อง ซึ่งมีผู้ติดตามมากยิ่งกว่า 17,000 บัญชีได้โพสต์แสดงความเห็นต่อกรณีดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ระบุว่า กำลังเป็นกรณีดังตอนนี้กับการที่นักดนตรีมีชื่อท่านหนึ่ง มีคลิปวีดีโอที่แสดงความรักต่อบุตรสาวโดยการสัมผัสสนิทสนมผ่านการจับทรวงอก บางคลิปมีการล้วงกางเกงเพื่อจับก้นลูกด้วย

ในเบื้องต้นแอดมินขอรับรองว่าเด็กต้องและก็คู่ควรที่กำลังจะได้รับความรักผ่านการสัมผัส เช่น กอด หอม จากบิดามารดา แต่การสัมผัสพวกนั้นจำต้องสอดคล้องกับขอบเขตที่เหมาะสม และก็เป็นไปด้วยความสมัครใจของเด็ก (ขอบเขตที่ไม่เหมาะสม หากแม้เด็กเต็มใจก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้)
หลักสูตรและก็การเล่าเรียนที่สำคัญสำหรับในการสอนเด็กให้สามารถเจาะจงภัยทางเพศ เป็นการสอนให้เด็กรู้จักความรู้สึกที่ดี และก็ความรู้สึกที่ไม่ดี พร้อมกันไปกับการรู้จักอวัยวะภายในร่างกายของตัวเอง และก็ขอบเขตทางร่างกายที่รู้สึกไม่เป็นอันตราย และก็ลำดับขั้นการอนุญาตที่เด็กจะมีให้คนแต่ละคนเข้ามาใกล้ หรือสัมผัสอวัยวะแต่ละส่วนของเขา

กฎเหล็กที่สำคัญเป็น ในเรื่องที่เด็กสามารถจัดแจงธุระของตัวเองได้ เช่น ล้างฉี่ ล้างก้นได้แล้ว แม้กระทั้งคนใกล้ตัวเด็กสูงที่สุดอย่างบิดามารดา ก็ไม่สมควรหรือเปล่ามีสิทธิที่จะจับ สัมผัส อวัยวะปกปิด ซึ่งประกอบไปด้วย ทรวงอก ก้น อวัยวะสืบพันธุ์ของเด็กได้อย่างธรรมดา ยกเว้นในเรื่องที่เด็กไม่สบายหรือจำต้องอยู่ในสภาพการณ์ที่จำต้องได้รับการดูแลเพียงเท่านั้น

เหตุที่พวกเราจำเป็นที่จะต้องสอนเด็กเช่นนี้เพราะเหตุว่าถ้าหากเด็กถูกจับและก็สัมผัสอวัยวะปกปิดจนเป็นสิ่งธรรมดา เขาเองจะไม่ศึกษาขอบเขตที่เหมาะสมทางด้านร่างกายและก็ศึกษาความรู้สึกการเป็นเจ้าของตัวร่างกายของเขาเอง ซึ่งจะทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะถูกทารุณกรรมทางเพศจากผู้ใกล้ชิด และก็จากข้อมูลสถิติ ผู้ล่วงละเมิดทางเพศเด็กจำนวนมากเป็นบุคคลสนิทสนมที่เด็กไว้เนื้อเชื่อใจ แอดมินเจอมาแล้วจ้ะ พ่อแท้ๆปู่แท้ๆน้า อา แท้ๆมีหมด

เวลาสอนเด็กพวกเราก็เลยบอกเสมอว่าถ้าหากมีใครกันแน่มาจับ ก้น นม จิ๋ม หรือ จู๋ ให้มาบอกบิดามารดา หรือถ้าหากบิดามารดาจับก็ให้มาบอกคุณครู เพื่อที่พวกเราจะได้ดำเนินงานกับครอบครัวเพื่อเสาะหาความจริงต่อว่าต่อขานเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากบิดามารดายังไม่รู้เรื่องพวกเราจำเป็นที่จะต้องให้บิดามารดารู้เรื่องความจำเป็นในประเด็นนี้

สรุปหัวข้อนี้นะคะ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือเปล่าตั้งใจ ความประพฤติที่พ่อแสดงต่อน้องนั้น “ไม่เหมาะสม” จ้ะ
แอดมินขอฝากทุกคนว่าประเด็นนี้เป็นเรื่องผิดปกติ ขอร้องทุกคนปฏิบัติต่อเด็กด้วยความนับถือต่อสิทธิความเป็นส่วนตัว ต่อตัวร่างกายของพวกเขา

พวกเราเป็นผู้ใหญ่หน้าที่ของเราเป็นการคิดเยอะมากๆจ้ะ เนื่องจากเกิดเหตุวิพากษ์วิจารณ์มาหากแม้บิดามารดาเองไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แต่ผลกระทบเหล่านี้เกิดขึ้นกับเด็กแน่ๆ อย่างน้อยๆเป็นการมีรอยเท้าบนโลกออนไลน์ที่ครั้งหนึ่งพ่อและก็แม่พาเขาเข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มเหล่านี้

หมอเด็กเปิดเผย 6 ข้อไม่เหมาะสม

เฟซบุ๊กเพจ บันทึกหมอเดว ของ รองศาสตราจารย์นพ.สุริยเดว ทรีปาตี กุมารแพทย์ผู้ที่มีความชำนาญด้านเด็กและก็วัยรุ่น ผู้อำนวยการศูนย์คุณงามความดี โพสต์แสดงความเห็นต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ระบุว่า

มีผู้ถามข้อคิดเห็นกรณี trend twitter บุคคลตามที่เป็นคุณพ่อแสดงความรักกับบุตรสาวด้วย การล้วงจับลูบขณะศึกษาด้วยกันนั้น กรณีเช่นนี้ไม่สมควรที่จะทำ

โปรดรู้เรื่องด้วยทัศนคติว่าลูกไม่ใช่ทรัพย์สมบัติของบิดามารดาที่อยากจะทำอะไรก็ได้แบบไหนก็ได้ อนุสัญญากล่าวถึงสิทธิเด็กที่บิดามารดาจำต้องทราบด้วย เป็นหน้าที่ของบิดามารดาที่จำต้องปกป้องรักษาคุ้มครอง อยู่รอดไม่เป็นอันตราย ได้รับการพัฒนาและก็สามารถอยู่ร่วมในสังคมได้ สิ่งที่การกระทำนี้ไม่เหมาะสม เป็น

1. การไม่นับถือเกียรติยศของลูก
2. พ่อขาดการฝึกหัดให้ลูกมีการศึกษา sense of Property ด้วยการนำภาพลงใน สื่อสาธารณะ โดยไม่วิตกกังวล ผลกระทบต่อบุตรสาวผู้ถูกถ่ายรูป แม้ว่าจะยินยอมก็ตาม
3. เป็นหน้าที่ของบิดามารดาที่จำต้องสอนให้ลูกรู้จักการปกป้องตัวเอง จากภัยอันตรายลักษณะซึ่งคล้ายกันที่บางทีอาจเกิดขึ้นได้
   และก็ควรฝึกให้บุตรสาว มีสภาพการณ์เข้าวัยรุ่น ที่สรีระจะมีการเปลี่ยนต่อไปเร็วนี้ๆ เพื่อป้องกันตนเองมากยิ่งกว่า การใช้เหตุผลเพียงแต่เนื่องจากแสดงความรัก
4. เป็นการละเมิดสิทธิเด็ก และก็ยิ่งนำลงสื่อสาธารณะ เป็นสิ่งที่บิดามารดาไม่ควรที่จะทำอย่างมาก!!!
5. เด็ก สุ่มมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิด sexual harassment and Atraumatic Sexualization
   ที่ต่อไปด้านหน้าเด็กบางทีอาจนึกว่าธรรมดาได้ ซึ่งจะเกิดความเสี่ยงต่อตัวเด็กภายภาคหน้าได้อย่างไม่คาดคิด
6. เด็กจะอยู่ร่วมในสังคมที่สนิทสนมทุกข์ยากลำบากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ