ธรรมนัส พรหมเผ่า จัดแจงทำพรรคใหม่ หลังถูกปลดพ้นรัฐมนตรีพร้อมนฤมล ยิ่งสินวัฒน์

เว็บราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศให้ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า และก็นางนฤมล ยิ่งสินวัฒน์ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ลงวันที่ 8 เดือนกันยายน ระหว่างที่สมัยก่อน รมช.เกษตรฯ ชิงเปิดแถลงข่าวก่อนว่าได้ลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วานนี้

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาหัวหน้าศรีสินทรมหาวชิราลงมือณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระได้โปรดกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่ง พล.อำเภอ ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ตามประกาศลงวันที่ 9 ไม่.ย. 2562 แล้ว และก็แต่งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ 10 เดือนกรกฎาคม 2562 และก็ประกาศคราวสุดท้ายลงวันที่ 22 มี.ค. 2564 นั้น

บัดนี้ นายกฯได้กราบบังคมทูลว่า ควรให้รัฐมนตรีบางบุคคลพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี เพื่อความเหมาะสมและก็บังเกิดคุณประโยชน์แก่ราชการ

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 171 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระได้โปรดกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

1. ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและก็สหกรณ์
2. นางนฤมล ยิ่งสินวัฒน์ รมช.แรงงาน

ดังนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 8 เดือนกันยายน 2564 โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นคนรับสนองพระบรมราชโองการ

ไม่กี่นาทีก่อนประกาศปลด 2 รัฐมนตรีจะถูกเผยแพร่อย่างเป็นทางการ ร.อ. ธรรมนัสได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่รัฐสภา เมื่อเวลา 15.30 น. โดยบอกว่าส่งหนังสือถึง พล.อำเภอ ประยุทธ์ แจ้งยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง รมช.เกษตรและก็สหกรณ์ วันหลังปรึกษาครอบครัว ซึ่งเดิมตั้งมั่นจะยื่นจดหมายตั้งแต่วานนี้ (8 เดือนกันยายน) แต่ว่าข้างเลขานุการส่วนตนเข้าใจผิด จึงพึ่งยื่นจดหมายไปวันนี้ (9 เดือนกันยายน)

แต่ว่าถึงกระนั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯด้านกฎหมาย ได้จบเรื่องที่น่าสงสัยเกี่ยวกับการพ้นจากตำแหน่งของ 2 รัฐมนตรี โดยบอกว่า เป็นการไล่ออกจากตำแหน่ง เพราะเหตุว่าในตัวพระบรมราชวโรงการได้มีการอ้างรัฐธรรมนูญ มาตรา 171 บัญญัติไว้ว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงไว้ซึ่งพระราชอําที่นาจสำหรับการให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ตามที่นายกฯมอบคําแนะนํา ซึ่งวันที่มีผลบังคับจริงเป็นวันที่เจาะจงในพระบรมราชโองการ นั่นเป็น ตั้งแต่เวลา 01.00 น. ของวันที่ 8 เดือนกันยายน 2564

อย่างไรก็แล้วแต่ส่วนตัวพึ่งรู้ข่าวว่า ร.อ. ธรรมนัส แถลงข่าวว่าได้ทำใบลาออก ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจดหมายฉบับนั้นระบุวันที่เท่าใด แต่ว่าสิ่งที่เป็นทางการเป็นให้ยึดตามพระบรมราชโองการ

ธรรมนัสแจงเหตุลาออก ด้วยเหตุว่าไม่ได้อยากต้องการ “คอยรับใช้คนไหน”

สำหรับการแถลงข่าวที่รัฐสภา ร.อ. ธรรมนัสกล่าวถึงเหตุผลสำหรับการลาออกว่า ตั้งมั่นปฏิบัติงานเพื่อชาติ ศาสนา พระเจ้าอยู่หัว และก็พ่อแม่พี่น้องประชาชน โดยยึดผลตอบแทนของประเทศเป็นหลัก แต่ว่าตลอดเวลาที่ครองตำแหน่งมา บรรยากาศการจัดการราชการแผ่นดินมิได้เป็นไปอย่างที่คาดหวังเอาไว้ จึงต้องการกลับไปอยู่จุดเดิม นั่นเป็นการเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

“ผมอยากกระทำการเมืองให้มันอดทน เพื่อประเทศ บ้านเรือนจริงๆไม่ใช่มารองรับ หรือทำอะไรเพื่อคนบางกลุ่ม” ร.อ. ธรรมนัสกล่าวและก็ว่า จริงๆคิดมาหลายเดือนแล้ว สิ่งที่ให้ความใส่ใจมากที่สุดเป็นสายตาประชากร ไม่ใช่คอยรับใช้คนไหน

เขายังฝากถึงประชากรทุกจังหวัดว่า “วันนี้ผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะเลือกทางเท้า เส้นทางการเมืองใหม่ โดยยึดหลักผลตอบแทนของประเทศและก็พ่อแม่พี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง ผมจะไปต่อสู้ในเวทีการเมืองอย่างเต็มเปี่ยม” พร้อมเอ่ยขอโทษประชากรที่ไม่สามารถเอาอย่างที่รับปากไว้ได้ ภายหลังจากนี้จะกลับไปขึ้นต้นที่ จังหวัดจังหวัดพะเยา และก็จังหวัดอื่นๆแม้กลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง มีบุญบารมีอีกครั้ง ตั้งมั่นว่าจะปฏิบัติงานเพื่อชาติ
ผู้รายงานข่าวถามคำถามว่า เหตุผลส่วนหนึ่งส่วนใดที่ทำให้ลาออก เป็นด้วยเหตุว่าปฏิบัติงานกับนายกฯมิได้แล้วหรือเปล่า ร.อ. ธรรมนัสกล่าวเห็นด้วยว่า “อาจจะเดินไปในทิศทางเดียวกันมิได้”
ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า จับมือทัก พล.อำเภอ อนุพงษ์ เผ่าจินดา หนึ่งใน “ญาติพี่น้อง 3 ป.” ที่นายกฯ พูดว่ารักกันเสมือนญาติพี่น้องท้องเดียวกัน ก่อนจะมีการประชุม ครม. ช่วงวันที่ 7 เดือนกันยายน แต่ว่า พล.อำเภอ อนุพงษ์มิได้คุยกับเขา

นักการเมืองผู้เปลี่ยนเป็นสมัยก่อนรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า ได้ปรึกษากับ พล.อำเภอ ประวิตร วงษ์กาญจน์ รองนายกฯ และก็หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชราชการ) ตั้งแต่ก่อนลงมติสำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าจะลาออกเมื่อวันที่ 6 เดือนกันยายน แต่ว่าหัวหน้าพรรคห้ามไว้ ในที่สุดจำต้องไม่ทำตามคำสั่งหัวหน้า ด้วยเหตุว่าไตร่ตรองดูแล้วว่าทางเท้าชีวิตของตนเองทำเพื่อประชากร มันจำต้องเดินไปอีกไกล ดังนั้นตัดสินใจเด็ดขาดด้วยตัวเอง

เมื่อถามย้ำว่า หมายความว่าหลังเสวนาและก็ขอโทษนายกรัฐมนตรี แล้ว หมายความว่าปัญหาไม่จบใช่หรือเปล่า ร.อ. ธรรมนัสตอบว่าไม่จบ และก็รู้สึกกลุ้มใจ จำต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำไป มีความหมายว่าเมื่อบอกด้วยเหตุด้วยผลแล้ว มันไม่กำเนิดคุณประโยชน์ วิธีการยอดเยี่ยมก็คือจำต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง

ส่วนความเกี่ยวพันกับญาติพี่น้อง 3 ป. ประกอบด้วย พล.อำเภอ ประวิตร วงษ์กาญจน์, พล.อำเภอ อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย และก็ พล.อำเภอ ประยุทธ์ นั้น นักการเมืองรายนี้เลือกที่จะพูดถึงเพียงแค่ความเกี่ยวพันกับหัวหน้าพรรคว่ายังรักเคารพนับถือดังเดิม แต่ว่าไม่เอ่ยถึงอีก 2 ป. โดยบอกเพียงว่า “ไม่ถึงกับแตกหัก แต่ว่าผมเลือกทางเท้าแล้ว”
ยังไม่ลาออกเลขาธิการ พปชราชการ แต่ว่าประกาศไม่ไปเหยียบสำนักงานพรรค
นอกจากสถานะในฝ่ายบริหารของประเทศ ร.อ. ธรรมนัส ยังมีหน้าที่ในพรรคแกนนำรัฐบาลในฐานะเลขาธิการ พปชราชการ ทำให้เขาถูกโยนปริศนาใส่ว่าจะยังปฏิบัติงานกับ พปชราชการ ถัดไปหรือเปล่า เกี่ยวกับหัวข้อนี้ เขากล่าวว่าเป็นเรื่องที่จำต้องตรึกตรองกันถัดไป

“ผมอาจจะไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่มันมีความสุข ผมย้ายจากบ้านหลังเก่ามา บ้านหลังเดิม ผมก็มีความสุขอยู่แล้ว บ้านหลังเดิมเป็นบ้านที่จังหวัดพะเยามีความสุขดีอยู่แล้ว ส่วนบ้านหลังใหม่ อาจจะไปก่อสร้างบ้านใหม่” ร.อ. ธรรมนัสกล่าว

ร.อ. ธรรมนัสมิได้ตอบคำถามแจ่มชัดว่าจะกลับไปบ้านหลังเดิม หรือก่อสร้างบ้านหลังใหม่ อันเป็นแนวทางการทำพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมา
ร.อ. ธรรมนัส ภรรยา และก็นางนฤมล มักออกเดินสายทำบุญสุนทานร่วมกันในตอนวันหยุดราชการ

สำหรับ “บ้านหลังเดิม” ที่ถูกพูดถึง บีบีซีไทยเข้าใจว่าเป็นการเปรียบเทียบจุดหมายถึงพรรคเพื่อไทย เพราะเหตุว่าเป็นพรรคการเมืองในที่สุดที่ ร.อ. ธรรมนัสเคยขึ้นอยู่กับและก็สมัครรับเลือกตั้งเมื่อปี 2557 ก่อนที่จะการเลือกตั้งคราวนั้นจะเปลี่ยนเป็นโมฆะ และก็มีการรัฐประหารในเวลาต่อมา กระทั่งก่อนจะมีการเลือกตั้งปี 2562 ร.อ. ธรรมนัสจึงยกแผนกเข้ามาลงเล่นการเมืองในนาม พปชราชการ

แต่ทว่าเมื่อผู้รายงานข่าวถามคำถามว่าการตัดสินใจไปอยู่บ้านอื่น มีพรรคเพื่อไทยอยู่ในตัวเลือกด้วยหรือเปล่า ร.อ. ธรรมนัสตอบว่ามีพรรคมาจีบเยอะมาก และไม่เกี่ยวกับที่มีกระแสข่าวว่ามีการเสวนากันก่อนหน้าที่ผ่านมา อาจจะเป็น “พรรคจังหวัดพะเยา” หรือ “พรรคพลังจังหวัดพะเยา” หรือ “อีสานล้านนา” ก็ได้ ทุกสิ่งจัดเตรียมไว้หมดแล้ว เร็วๆนี้จะได้เห็นหน้าตาแน่
เขายังประกาศด้วยว่าจะไม่ไปเหยียบสำนักงาน พปชราชการ อีก “รังเกียจ ไม่ต้องการฝืนตัวเอง” แต่ว่าถึงกระนั้นก็ยังเป็นเลขาธิการพรรค ยังมิได้ลาออก
เมื่อถูกถามอีกว่า อย่างงี้การเลือกตั้งคราวต่อไปพรรค พปชราชการ จะไม่แตกเลยหรือ ร.อ. ธรรมนัสกล่าวว่า ก็ไม่แน่ ด้วยเหตุว่าใจตนไปแล้ว บอกแล้วนักเลงพอ ทำอะไรแล้วจำต้องรับผิดชอบ อยู่ที่แหน่งใดก็ได้ ขอให้ใจมันอยู่ หากใจมันไม่อยู่ คนไหนจะมาบังคับตนก็มิได้

การลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีของ ร.อ. ธรรมนัส เกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ หลังสำเร็จการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และก็รัฐมนตรีอีก 5 คน ในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งในช่วงดังที่กล่าวถึงมาแล้ว ได้กำเนิดปรากฏการเคลื่อนที่ใต้ดินจากบางกลุ่มก้อนด้านใน พปชราชการ กดดันให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังสำเร็จศึกซักฟอก และก็อาจไปไกลถึงขั้น “เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี” ร้อนถึงผู้นำรัฐบาลจำต้องออกมาไม่สนใจข่าวหลายวันติดต่อกัน ระหว่างที่ร.อ. ธรรมนัสตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนที่ดังที่กล่าวถึงมาแล้ว แต่ว่าเขาก็ออกมาบอกว่ามีคนในพรรคฝ่ายรัฐบาลเป็น “คนเต้าข่าว” หัวข้อนี้ขึ้นมา
พล.อำเภอ ประยุทธ์ยังไม่คิดปรับ ครม. เพิ่มคนแทน 2 รมต.
ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้นกับรัฐบาล “ประยุทธ์ 2” ทำให้ พล.อำเภอ ประยุทธ์ถึงกับถอนหายใจก่อนตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนช่วง 16.20 น.
นายกรัฐมนตรี ถูกถามประเด็นการลาออกของ รมช.เกษตรฯ ในระหว่างตรวจตรา โรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ป่วยห้องดูแลผู้ป่วยหนักในโรงพยาบาล ที่ โรงพยาบาลปิยะเวท

พล.อำเภอ ประยุทธ์กล่าวเพียงว่า รู้เมื่อสักครู่ว่าลาออก เขาก็เคยบอกอยู่แล้วไม่ใช่หรือไม่ต้องเป็นรัฐมนตรีก็ได้ เป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก็สามารถช่วยประชากรได้ ซึ่งก่อนหน้าที่ผ่านมาก็ช่วยงานกันมาโดยตลอด สักครู่อาจจะคือเรื่องของพรรคที่จะไปหารือกันว่าจะทำยังไง แต่ว่ายืนยันว่างานทุกงานไม่มีสกัดกั้น มีคนทำงานให้อยู่แล้ว

ผู้รายงานข่าวถามคำถามว่าเป็นการลาออกหรือถูกปรับออก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ก็เขาลาออก” เมื่อถามย้ำว่า แต่ว่าเนื้อความในราชกิจจานุเบกษาบอกว่า นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลว่า “ควรให้รัฐมนตรีบางบุคคลพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี เพื่อความเหมาะสมและก็บังเกิดคุณประโยชน์แก่ราชการ” พล.อำเภอ ประยุทธ์หลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้ โดยบอกเพียงว่า “เอาละ ยังไงเขาก็ไม่อยู่แล้ว จะมายังยังไง จะไปยังไง ผมไม่ตอบ” พร้อมย้ำว่า “มิได้แจ้งคนไหนทั้งสิ้น มันอยู่ที่ผม ผมทำของผม” และก็ “เหตุผลของผมก็คือเหตุผลของผม”

พล.อำเภอ ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการปรับ ครม. ด้วยว่า ขอดูก่อน แต่ว่าในตอนนี้ยังไม่ปรับคนไหน ถึงจะมีคนลาออก ก็ยังไม่ปรับเข้า ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นผลมากมายระแส “ล้มนายกรัฐมนตรี” ในตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือเปล่านั้น พล.อำเภอ ประยุทธ์กล่าวว่า “ทั้งหมดมาจากคุณ (สื่อมวลชน)”